You are currently viewing “Happy Marketing” เทคนิคแบรนด์มัดใจลูกค้า ในยุคดิจิทัลที่หยุดดูโฆษณาเพียง 1.7 วิ !

“Happy Marketing” เทคนิคแบรนด์มัดใจลูกค้า ในยุคดิจิทัลที่หยุดดูโฆษณาเพียง 1.7 วิ !

ปัจจุบันประชากรไทย 66.5 ล้านคน หรือคิดเป็น 0.87 ของจำนวนประชากรมี 50.08 ล้านคน ที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ต และสะท้อนให้เห็นว่าผู้คนเข้าสู่โลกออนไลน์มากขึ้น 

ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานของการดำรงชีวิตในยุคนี้ไปแล้วประสิทธิภาพของโพสต์ที่แตกต่างกัน และแสดงต่อกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน โดยไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้นสผ่านเพียงอย่างเดียว

ยิ่งเกิดสถานการณ์วิกฤตที่ผ่านมาอย่าง COVID-19 ส่งผลต่อเศษรฐกิจ และชีวิตของคนทั่วโลก ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกันยกใหญ่ หนึ่งในนั้นคือ กิจกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน ที่เข้ามสู่โลกออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นติดตามข้อมูลข่าวสาร การสั่งอาหาร หรือการเสพความบันเทิงในรูปแบบต่าง ๆ

ถึงแม้สถานการณ์จะคลี่คลายลงไปบ้างแล้ว แต่ตามคาดการณ์ COVID-19 จะอยู่กับเราไปจนถึง 2024 ซึ่งการย้ายเข้าอยู่ในโลกออนไลน์นี้ ทำให้เกิดพฤติกรรม New Normal บนโลกออนไลน์ ทั้งการเสพคอนเทนต์ หรือสื่อบันเทิงต่าง ๆ

แต่สิ่งที่ตามเมื่อเข้าสู่โลกออนไลน์มากขึ้น คือการล้นทะลักของคอนเทนต์ประเภทต่าง ๆ รวมถึงโฆษณาด้วย จนเกิดภาวะ “Content Shock” ขึ้น คือความสนใจของผู้บริโภคต่อคอนเทนต์นั้นมีจำกัด ยิ่งถ้าคอนเทนต์เหล่านั้นไม่ได้มีความน่าสนใจ ก็จะถูกเลื่อนผ่านไป ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคมีความเปลี่ยนแปลงเร็วอยู่ตลอดเวลา

ซึ่งจากข้อมูลของ Facebook ระบุว่า ผู้บริโภคให้ความสนใจกับหน้า New Feeds ลดลง โดยเฉลี่ยถ้าหยุดดูโฆษณาผ่านมือถือจะอยู่ที่ 1.7 วินาที และถ้าหากดูผ่านระบบคอมพิวเตอร์จะอยู่ที่ 2.5 วินาที

นี่เป็นโจทย์สำคัญของแบรนด์ และนักการตลาดที่ต้องครีเอทคอนเทนต์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ทั้งยังเป็นความท้าทายที่แบรนด์ต้องสร้างความภักดี ( Brand Loyalty) ที่พฤติกรรมของผู้บริโภคนั้นเปลี่ยนใจอยู่ตลอดเวลา เพราะมีตัวเลือกที่หลากหลาย

ดังนั้นควรมีเทคนิคในการสร้าง Brand Loyalty ด้วย “แฮปปี้มาร์เก็ตติ้ง” ที่มีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมจากผู้บริโภค รวมถึงแบรนด์ และนักการตลาดจำเป็นต้องหันมาใช้งานกันมากขึ้น

โดยการใช้กลยุทธ์เอนเตอร์เทนเมนต์แพลตฟอร์ม จะสามารถช่วยมัดใจผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น จากการพฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ เนื้อหาความบันเทิง ผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น TikTok, YouTube, Netflix

กลยุทธ์ 4E ยกกำลัง 2 ที่ผู้ประกอบการสามารถนำไปปรับใช้ในการทำตลาดออนไลน์แพลตฟอร์ม เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจ และภักดีต่อแบรนด์ได้แก่

4E เพื่อให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจ

Easy การสร้างเนื้อหาคอนเทนต์ที่เข้าใจง่าย และกระซับ

Engagement ดึงดูความสนใจในการสร้างเนื้อหาคอนเทนต์ที่เป็นทั้งรูปภาพ และวิดีโอที่เป็นเชิงไลฟ์สไตล์ที่มีความสนุกสนาน เข้าถึงคนได้ง่ายเพื่อเกิดการมีส่วนร่วม 

Exclusive นำเสนอเนื้อหาคอนเทนต์ให้ตรงกับกลุ่มเป้ามหาย เพื่อให้รู้สึกความพิเศษเฉพาะ 

Experience สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีความแตกต่าง เพื่อให้เกิดประการณ์ที่ดีร่วมกับแบรนด์

4E เพื่อสร้างความภักดี Brand Loyalty ของผู้บริโภคให้มีต่อแบรนด์ 

Easy แบรนด์ต้องทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย และสามารถเชื่อมต่อได้ทุกการใช้งาน

Engagement สร้างความสัมพันธ์ และสร้างการมีส่วนร่วมของลูกค้ากับแบรนด์ให้มากที่สุด เช่น การจัดกิจกรรม หรือโปรโมชั่นต่าง ๆ 

Exclusive ให้มากกว่าที่ลูกค้าคาดหวังด้วยการออกแบบสินค้า และบริการ แบบเฉพาะบุคคล 

Experience สร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง และมีคุณค่าให้กับลูกค้า

นินจาการตลาด

ซึ่งจะเห็นได้ว่าแบรนด์จะต้องมีความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเมื่ออยู่บนโลกออนไลน์ ดังนั้นผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญกับสร้างแบรนด์เพื่อป้องกันการเปลี่ยนใจของผู้บริโภค และหมั่นสร้างความแตกต่างอยู่เสมอ ผสานจุดยืนของแบรนด์อย่างชัดเจน และควบคู่ไปกับการสร้างคุณภาพของแบรนด์ในทุก ๆ ด้าน

และหากมีคำถามอยากให้ช่วยเหลือด้านการสื่อสารการตลาดดิจิทัล เราขอแนะนำว่าถ้าคุณอยากจะลดระยะเวลา และ ค่าใช้จ่าย ในการลองผิดลองถูก iStartUp เรามีทีมงานและบริการที่พร้อมจะช่วยเหลือคุณอย่างเต็มที่ ด้วยบริการ การตลาดโซเซียลมีเดีย ปรึกษาได้เลยฟรี! คลิ๊กที่นี่เลย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา CR.
ninjakantalad
Youtube Agency

ใส่ความเห็น